แชร์

สแตนเลส 201 304 430 และ 316 ต่างกันอย่างไร?

     สแตนเลส (Stainless Steel) เป็นวัสดุที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนและการสึกกร่อนสูง จึงได้รับความนิยมในหลายอุตสาหกรรม ทั้งในด้านการก่อสร้าง การผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ และการผลิตเครื่องจักรกลต่าง ๆ โดยเฉพาะการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมอาหารและยา รวมถึงการทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูงหรือสัมผัสกับสารเคมี

     แต่ละประเภทของสแตนเลสมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับส่วนผสมของโลหะที่ใช้ และการจัดประเภทตามเกรดของสแตนเลส โดยทั่วไปแล้วเกรดสแตนเลสที่ใช้กันบ่อยมีดังนี้: สแตนเลส 201, 304, 430, และ 316 ซึ่งแต่ละเกรดมีลักษณะการใช้งานและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน

     ในบทความนี้จะมาเปรียบเทียบ สแตนเลส 201, 304, 430, และ 316 เพื่อให้คุณเข้าใจถึงข้อดีและข้อเสียของแต่ละประเภทและสามารถเลือกใช้ได้อย่างเหมาะสม

  • 1. สแตนเลส 201
         สแตนเลส 201 เป็นเกรดสแตนเลสที่มีราคาถูกที่สุดในกลุ่มสแตนเลสที่กล่าวถึงในบทความนี้ โดยมีส่วนผสมของ โครเมียม (Cr) ประมาณ 16-18% และ นิกเกิล (Ni) น้อยกว่า 5% ซึ่งจะมีลักษณะเหมือนกับสแตนเลสเกรด 304 แต่การใช้ manganese (Mn) แทนนิกเกิลจะทำให้ราคาถูกกว่า

    คุณสมบัติของสแตนเลส 201 :

    - ทนทานต่อการกัดกร่อน : เนื่องจากมีส่วนผสมของโครเมียมที่สูง ทำให้มีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ไม่รุนแรง

    - ความแข็งแรงสูง : มีความแข็งแรงดี แต่ความทนทานต่อการกัดกร่อนจะไม่ดีเท่ากับเกรด 304 หรือ 316

    - ราคาถูก : เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ไม่ต้องการความทนทานสูงต่อการกัดกร่อน

    - ใช้งานที่เหมาะสม : เหมาะสำหรับการใช้งานในภาคอุตสาหกรรมที่ไม่สัมผัสกับสารเคมีที่มีความรุนแรง เช่น ผลิตภัณฑ์ในบ้าน, เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ในครัว, และงานตกแต่งทั่วไป

  • 2. สแตนเลส 304
         สแตนเลส 304 เป็นเกรดสแตนเลสที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและมีความนิยมสูงในหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีในด้านความทนทานต่อการกัดกร่อน, ความแข็งแรง และความสามารถในการขึ้นรูปได้ง่าย โดยส่วนผสมหลักของสแตนเลส 304 ประกอบด้วย โครเมียม (Cr) ประมาณ 18-20% และ นิกเกิล (Ni) 8-10.5%

    คุณสมบัติของสแตนเลส 304 :

    - ทนทานต่อการกัดกร่อน : สแตนเลส 304 ทนทานต่อการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นหรือกรดอ่อน ๆ ได้ดี เช่น ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

    - ไม่เกิดสนิมง่าย : เนื่องจากมีส่วนผสมของนิกเกิลที่ทำให้มีความต้านทานต่อการเกิดสนิมหรือการกัดกร่อนจากน้ำหรืออากาศ

    - การขึ้นรูปง่าย : สามารถขึ้นรูปได้ง่าย จึงเหมาะสำหรับการผลิตสินค้าที่ต้องการความสวยงามและมีความทนทานสูง เช่น เครื่องใช้ในบ้าน, อุปกรณ์การแพทย์, ท่อ, และงานตกแต่ง

    - ใช้งานที่เหมาะสม : เหมาะสำหรับใช้งานในอาหารและเครื่องดื่ม, โรงพยาบาล, อุตสาหกรรมเคมี, และการผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือน

  • 3. สแตนเลส 430
         สแตนเลส 430 เป็นเกรดสแตนเลสที่ไม่สามารถทำการขึ้นรูปได้ง่ายเหมือนกับเกรด 304 เนื่องจากมันเป็นสแตนเลสชนิด เฟอร์ริติก ซึ่งไม่มีส่วนผสมของนิกเกิล ทำให้ไม่ทนทานต่อการกัดกร่อนเหมือนเกรด 304 แต่ก็มีข้อดีในเรื่องของราคา

    คุณสมบัติของสแตนเลส 430 :

    - ความทนทานต่ำต่อการกัดกร่อน : แม้ว่าจะทนทานต่อการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมที่ไม่รุนแรง แต่ก็ยังไม่ทนเท่ากับสแตนเลสเกรด 304 หรือ 316

    - ราคาถูก : เนื่องจากไม่มีนิกเกิลในส่วนผสม ทำให้มีราคาถูกกว่าเกรด 304 และ 316 เหมาะสำหรับการใช้งานที่ไม่ต้องการทนทานต่อสารเคมีหรือความชื้นสูง

    - การทนต่อความร้อน : สามารถทนความร้อนได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานในงานที่มีอุณหภูมิสูง เช่น เตาอบหรือเครื่องใช้ที่สัมผัสกับความร้อน

    - ใช้งานที่เหมาะสม : เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมที่ไม่ต้องการความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง เช่น อุปกรณ์ในบ้าน, เครื่องใช้ไฟฟ้า, และการตกแต่ง

  • 4. สแตนเลส 316
         สแตนเลส 316 เป็นเกรดสแตนเลสที่มีความทนทานต่อการกัดกร่อนและการสึกกร่อนสูงที่สุดในกลุ่มนี้ โดยมีการเติม โมลิบดีนัม (Mo) ประมาณ 2-3% ซึ่งช่วยเพิ่มคุณสมบัติในการต้านทานกรดและสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนสูง

    คุณสมบัติของสแตนเลส 316 :

    - ทนทานต่อการกัดกร่อนสูง : เป็นสแตนเลสที่ทนทานต่อการกัดกร่อนจากกรด, เคมี, และน้ำทะเลได้ดี ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ในอุตสาหกรรมเคมี, โรงพยาบาล, และการทำงานในทะเล

    - เหมาะสำหรับการใช้งานในน้ำทะเล : ความทนทานต่อการกัดกร่อนในน้ำทะเลทำให้มันเป็นที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมทางทะเล เช่น เรือ, อุปกรณ์ทางทะเล, และเครื่องจักรที่ใช้งานในน้ำ

    - ทนทานต่อสารเคมี : เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่สัมผัสกับสารเคมีหรือกรดที่มีความรุนแรง

    - ใช้งานที่เหมาะสม : เหมาะสำหรับงานในอุตสาหกรรมเคมี, อุตสาหกรรมทางทะเล, อุปกรณ์การแพทย์, และอุตสาหกรรมอาหารที่ต้องการความสะอาดและความทนทานต่อการกัดกร่อนสูง

สรุปความแตกต่างระหว่างสแตนเลส 201, 304, 430, และ 316

| เกรดสแตนเลส | คุณสมบัติเด่น | การใช้งานที่เหมาะสม |

| 201 | ราคาถูก, ทนทานต่อการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมทั่วไป | เฟอร์นิเจอร์, เครื่องใช้ในครัว, บรรจุภัณฑ์ทั่วไป |

| 304 | ทนทานต่อการกัดกร่อนสูง, ไม่เกิดสนิมง่าย | อุตสาหกรรมอาหาร, อุปกรณ์การแพทย์, เครื่องใช้ในบ้าน |

| 430 | ราคาถูก, ทนทานต่อความร้อน, ทนต่อการกัดกร่อนในสภาพแวดล้อมไม่รุนแรง | เครื่องใช้ไฟฟ้า, การตกแต่ง, ท่อส่งในสภาพแวดล้อมทั่วไป |

| 316 | ทนทานต่อสารเคมีและน้ำทะเล, ทนการกัดกร่อนสูง | อุตสาหกรรมเคมี, อุตสาหกรรมทางทะเล |

บทความที่เกี่ยวข้อง
ต้นกำเนิด "ตู้แช่เย็น"
ต้นกำเนิด นวัตกรรม และความก้าวหน้าของ "ตู้แช่เย็น"
ตู้แช่เย็น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ตู้แช่เย็น สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ลดความยุ่งยาก และรักษามาตรฐานของอาหารได้
ป้องกัน และแก้ไขปัญหา "เกิดสนิมในตู้แช่"
การป้องกันและแก้ไขปัญหา "การเกิดสนิมในตู้แช่"
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ